ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์ปรับสถานะกรีนการ์ด (Green Card) ด้วยตนเอง

เคสของเราเข้ามาอเมริกาด้วยวีซ่า K1,K2 ค่ะ เราจ้างเอเจนซี่ทำวีซ่าคู่หมั้นให้เพื่อความสบายใจทั้งแฟนและเราจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน อีกอย่างแฟนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่ะ😁 วีซ่า K1 คือวีซ่าคู่หมั้นค่ะ ส่วน K2 คือวีซ่าของลูกของเราที่มีอายุไม่ถึง 21 ปี เคสของเราตัดสินใจพาลูกสาวอายุ 9 ขวบเดินทางมาด้วยกันเลยค่ะ ส่วนกรีนการ์ดใบแรกจะได้ 2 ปี หรือ 10 ปีนั้น จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราแต่งงานจนถึงวันที่เราได้สัมภาษณ์กรีนการ์ดค่ะว่าถึง 2 ปีหรือไม่ หากตำ่กว่าสองปี จะได้กรีนการ์ดใบแรก 2 ปี และหากมากกว่าสองปี จะได้กรีนการ์ดใบแรก 10 ปีเลยค่ะ ดีงามเข้าไปอีกนะค่ะ 😍😍

ทามไลน์การขอกรีนการ์ดคะ 👇👇

“เอกสารแบบฟอร์มต่างๆ ดาวน์โหลดได้โดยตรงจากเว็ปไซต์ของ

 ยูเอสซีไอเอส (USCIS)”


⁃ Nov 1, 2019 เดินทางเข้าอเมริกา และแต่งงานภายใน 90 วัน



⁃ Jan 9, 2020 ส่งเอกสารปรับสถานะฟอร์ม I-485 K1 (1,225 ดอลลาร์, K2 (750 ดอลลาร์



– I-765 ใบอนุญาตทำงาน 



– I-131 ใบอนุญาตเดินทางท่องเที่ยว (เข้า-ออกนอกประเทศ) 



ปล. I-765 และ I-131 ไม่มีค่าใช้จ่าย หากสมัครพร้อมกันกับปรับสถานะกรีนการ์ด



– I-864 เอกสารผู้สนับสนุนทางการเงิน(สามี)


⁃ Fav 24, 2020 พิมพ์ลายนิ้วมือ


⁃ Mar 18, 2020 เคสพร้อมนัดสัมภาษณ์


⁃ Jun 20, 2020 ได้รับใบอนุญาติทำงาน(ใบแรก) และ ssn การ์ด


⁃ Mar 19, 2021 ต่อใบอนุญาติทำงาน


⁃ Apill 10, 2021 ได้รับใบอนุญาตทำงานใบใหม่


⁃ Aug 23, 2021 interveiw day วันสัมภาษณ์ค่ะ 🎉🎉


#ปล. เรากระเตงลูกน้อยวัยไม่กี่เดือนไปร่วมสัมภาษณ์ด้วยค่ะ


*ก่อนสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ถามว่ามีเอกสารใหม่ๆ มาอัพเดรตมั๊ย เราก็ยื่น W2 ของเรา เอกสารจากโรงเรียนของลูกสาว และใบเกิดของลูกชายไปค่ะ (รอสัมภาษณ์ตั้งแต่ยังไม่ท้องรอจนคลอดค่ะ😜) เอกสารต่างๆ รวมถึงเอกสารความสัมพันธ์ เราได้ส่งพร้อมกันกับเอกสารปรับสถานะก่อนหน้าแล้ว ส่วนเอกสารตัวจริงต่างๆ เราเตรียมไปด้วยเช่นกันค่ะ กันพลาด! 😁 เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์ชมใหญ่เลยค่ะว่าเอกสารแน่นมากๆ และไม่ขอดูเอกสารอื่นๆ เพิ่มเลยค่ะ


เอกสารความสัมพันธ์ที่เราจัดส่งและจัดเตรียมเพิ่มเติม


⁃ รูปถ่าย ครอบครัว กิจกรรมต่างๆ


⁃ การ์ดอวยพรต่างๆ


⁃ Join bank account บัญชีธนาคารร่วมกัน


⁃ Bills บิลต่างๆ ที่มีชื่อร่วมกัน ค่าน้ำ ไฟ และจดหมายที่มีชื่อร่วมกันและที่แสดงว่าเราอยู่ที่อยู่นี้


⁃ Insurances ประกันต่างๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วม


⁃ ทรัพย์สินที่มีชื่อร่วมกัน


⁃ เอกสารการเข้าเรียนของลูก


**เริ่มสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์ถามตามแบบฟอร์มที่เราส่งไปเลย (ตั้งแต่หน้าแรกเลยค่ะ) และถามเพิ่มว่า


⁃ บ้านที่อยู่ปัจจุบันอยู่กี่คน


⁃ แฟนชื่ออะไร เกิดวันใหน


⁃ แฟนเคยแต่งงานไหม


⁃ เราทำงานไหมตอนนี้ เริ่มทำงานเมื่อไหร่ และเลข ssn (เราอ่านที่บัตรเลย😁)


⁃ เคยออกนอกประเทศไหม


⁃ จากนั้นก็เริ่มคำถาม yes no จากฟอร์ม I-485


***จากนั้นเจ้าหน้าที่ถามว่า มีคำถามอะไรจะถามไหม เราก็ถามแค่ต่อใบเขียวล่วงหน้าได้เมื่อไหร่ (ก่อน 90 วัน) 😉




##เจ้าหน้าที่อนุมัติใบเขียวภายในวันนั้นเลยและได้รับบัตรภายใน 7 วันค่ะ รวมแล้วเคสของเราประมาณ 1 ปี 7 เดือนค่ะเคสของเรานานหน่อย เพราะเป็นช่วงโควิดค่ะ ในแต่ล่ะเคสจะใช่เวลามากน้อยไม่เท่ากันนะค่ะ บางคนได้ช้าบางคนก็ได้เร็วค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และแต่รัฐที่เราอยู่อาศัยด้วยค่ะ

ตัวอย่างการจัดเรียงเอกสาร

ตรวจทานให้ดีเอกสารครบหรือยัง?



พร้อมส่งค่ะ


##เป็นกำลังใจให้ทุกท่านๆ ที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่นะค่ะ ☺️☺️


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...