ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ต่อมความเปรี้ยวทำงาน! ผลไม้จิ้มเกลือของคนไทยไกลบ้าน!

🍋 ผลไม้จิ้มเกลือเมืองนอก.. เมื่อคนอิสานตาดำๆ อย่างเรา ต้องเอาตัวรอดจากความอยาก “ของเปรี้ยวๆ” ในอเมริกา 🇺🇸🌶️
ถ้าคุณเป็นคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย—อีสานอย่างข้อย! บอกเลยว่า “ต่อมความเปรี้ยว” ในร่างกาย ต้องถูกฝึกใช้งานมาตั้งแต่ยังบ่ฮู้ความแน่นอน โตมากับมะม่วงดิบ มะยม ฝรั่งจิ้มพริกเกลือ เปรี้ยวจนตาเหลือก แต่ใจกะยังยิ้มได้อยู่เด้อจร้า 😆

เราโตมากับ..
✅ มะม่วงดิบจิ้มพริกเกลือ
✅ มะยมหน้าบ้าน
✅ ฝรั่งรถเข็น
✅ น้ำปลาหวานถุงเล็กๆ
✅ กินไป น้ำลายแตกไป แต่มีความสุขมาก 😭
พอวันหนึ่งต้องย้ายมาอยู่ “อเมริกา” ทุกอย่างดูดีหมด ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ผลไม้ลูกโต สีสวย ดูแพง แต่พอกัดเข้าไปคำแรกเท่านั้นแหละ…

“หวาน”
“หวานอีกแล้ว”
“หวานนนนน.. หวาน!”
มะม่วงมีนะ …แต่เป็นมะม่วงสุก❌
ฝรั่งก็มี …แต่หวานกรอบแบบไม่ต้องจิ้มอะไร❌
มะยม?… ขอโทษค่ะ ไม่รู้จัก 😅

ชีวิตคนอิสานตาดำๆ อย่างข้อยจึงเริ่มภารกิจใหม่ ตามหาผลไม้เปรี้ยว ตัดต่อมเปรี้ยวปาก!

🌶️ ผลไม้เมืองนอก 20 อย่าง
ตัวแทนผลไม้เปรี้ยว จิ้มพริกเกลือแบบคนอิสานไกลบ้าน

บางอย่างเปรี้ยวจริง บางอย่างเปรี้ยวปลอม
แค่หาได้ในอเมริกาถือว่ารอดเด้อ!

1. แครนเบอรี่ (Cranberry)

ราชินีความเปรี้ยวของฝรั่ง เปรี้ยวจนฝรั่งเอาไปทำซอส แต่คนเอเชียเอามาเคี้ยวหน้าตาเฉย 😆แบบสดคือที่สุด! เสียอย่างเดียวมีแค่ช่วงคริสต์มาส!

2. มะนาว (Lime)

ของคู่ครัวไทยในต่างแดน เปรี้ยวแท้ ไม่ต้องพยายาม วันไหนเปรี้ยวปากหนักๆ แค่ฝาน จิ้มเกลือ น้ำตาจะไหล

3. แอปเปิ้ลเขียว (Green Apple)

ตัวแทนมะม่วงดิบอันดับหนึ่ง จิ้มพริกเกลือแล้ว… ถ้าหลับตาแรงพอ นึกว่ากินมะม่วงเลย 😅

4. รูบาร์บ (Rhubarb)

หน้าตาเหมือนผัก รสชาติเหมือนบททดสอบชีวิต เปรี้ยวแบบไม่แคร์ใคร สายเปรี้ยวต้องลองสักครั้ง แกงส้มคือฝิน!

5. เชอร์รี่เปรี้ยว (Sour Cherry)

ไม่ได้หวานฉ่ำเหมือนเชอร์รี่ในหนัง “ดิบ” เปรี้ยวจี๊ดแบบจริงใจ จิ้มเกลือแล้วตื่นทั้งระบบ

6. กีวี (Kiwi)

”ดิบ“ เปรี้ยวอมหวาน ไม่สุด แต่ช่วยประคองใจในวันที่เปรี้ยวปากเบาๆ

7. เกรปฟรุต (Grapefruit)

เปรี้ยว + ขม รสชาติชีวิตคนไกลบ้านแบบแท้จริง กินไป ถอนหายใจไป 🥲

8. เลมอน (Lemon)

เปรี้ยวแรง ต้องใจถึง แต่ถ้าใส่พริกเกลือหน่อย…ก็พอไหว

9. สตรอว์เบอร์รี่ดิบ (Unripe Strawberry)

ถ้าเจอลูกยังไม่แดง อย่าเพิ่งด่าโชคชะตา เอามาจิ้มเกลือก่อน ค่อยว่ากันใหม่ ชิวๆ

10. บลูเบอร์รี่เปรี้ยว (Tart Blueberry)

ลูกเล็ก แต่เปรี้ยวพอใช้ แก้เปรี้ยวปากแบบเบาๆ

11. แบล็กเบอร์รี่ (Blackberry)

เปรี้ยว ฝาด นิดๆ ฟีลผลไม้ป่าหลังบ้านคุณยาย

12. ราสป์เบอร์รี่ (Raspberry)

เปรี้ยวจริง แต่กินไม่สะใจ เพราะลูกเล็กเหลือเกิน

13. องุ่นเปรี้ยว (Sour Grapes)

ต้องเลือกดี ถ้าได้ลูกเปรี้ยวคือฟิน ถ้าได้ลูกหวาน…ก็ทำใจ

14. ทับทิม (Pomegranate)

เปรี้ยวอมหวาน กรุ๊บๆ จิ้มเกลือแล้วเพลินจนลืมเวลา

15. ส้มจี๊ด / คัมควอต (Kumquat)

ลูกเล็ก แต่เปรี้ยวจัด กินทั้งเปลือกได้ตัวแทนความแซ่บ ซน ของคนเอเชีย

16. แคนตาลูปดิบ (Unripe Cantaloupe)

ถ้าได้ลูกยังไม่หวาน อย่าเพิ่งเสียใจ จิ้มเกลือแล้วพอช่วยชีวิตได้

17. มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato)

รู้ว่าไม่ใช่ผลไม้แท้ แต่เราไม่ถือ ขอแค่เปรี้ยวก็พอ 😁

18. ลูกพลัม (Plum)

บางพันธุ์เปรี้ยวแรงมาก กินแล้วน้ำลายแตกแบบไม่จกตา

19. แพร์ดิบ (Unripe Pear)

ต้องเจอลูกที่ยังไม่สุก แข็ง เปรี้ยว พอแทนฝรั่งดิบบ้านเราได้อยู่เด้อ

20. แอปริคอต (Apricot)

เปรี้ยวอมฝาด ฟีลผลไม้บ้านป่าในความทรงจำ

🥒 ของดอง = ที่พึ่งทางใจ

บางวัน…ผลไม้ก็ยังไม่พอ เราก็หันไปซบของดองแทน..
  • แตงกวาดอง
  • มะกอกดอง
  • พริกดอง
  • กะหล่ำปลีดอง
  • กิมจิ
รสชาติอาจไม่ใช่บ้านเรา แต่ความเปรี้ยว.. ยาใจคนไกลบ้านได้จริงๆ นะเออ

🌶️ สรุปจากผู้หิวโหย มะม่วง มะยม
อเมริกาอาจไม่มี มะม่วงดิบ มะยม ฝรั่งรถเข็น แต่ถ้าเรารู้จักมอง ผลไม้เมืองนอกหลายอย่างก็พอเป็น ตัวแทนความคิดถึงบ้านได้ มันอาจไม่เหมือน แต่มันช่วยให้เรายิ้มได้ ช่วยให้รู้ว่า… คนอิสรนตาดำๆ อย่างเรา ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ก็ยังรักความเปรี้ยวเหมือนเดิม 🍋🌶️

#ปล. ถ้าคุณมีผลไม้เปรี้ยวลูกรักในต่างแดน มาเมาท์มอยกันนะคะ คนไกลบ้าน…เข้าใจกันดีที่สุด 💚

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....