ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สอบใบขับขี่และต่ออายุใบขับขี่อเมริกาอย่างไร? USA Driver’s License!

ก่อนอื่นขอบอกเลยว่า ตอนอยู่ไทยแว๊นๆ มอเตอร์ไซต์อย่างเดียว ไม่เค๊ย ไม่เคยคิดจะขับรถยนต์เลยสักครั้งและไม่เคยคิดเลยว่า ใบขับขี่รถยนต์ใบแรกในชีวิตจะได้มาทำที่อเมริกา!! 


การสอบใบขับขี่ที่อเมริกา ขั้นตอนไม่ได้แตกต่างจากไทยมากนักค่ะ ส่วนตัวชอบที่อเมริกามากกว่า เพราะขั้นตอนไม่ซับซ้อนเหมือนที่ไทย การสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนง่ายๆ คือ สอบข้อเขียนและสอบภาคปฎิบัติ (ขับรถบนถนนจริง) สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ต้องไป DMV เพื่อสอบถามข้อมูล โดยเราจะได้หนังสือกฏจราจรและการขับรถมาอ่านก่อนค่ะ 


1. การสอบข้อเขียน ขั้นตอนนี้ ยังขับรถไม่เป็นก็สอบได้นะ โดยทำการนัดก่อนไปสอบหรือไปรับบัตรคิวที่ DMV (Department of Motor Vehicles) ใกล้บ้านเราได้เลย ส่วนมาก DMV จะมีอยู่แทบจะทุกเมือง 


DMV เปรียบเสมือนอำเภอบ้านเราค่ะ แต่ที่อเมริกาจะไม่มีบัตรประชาชนนะ เค้าใช้ใบขับขี่แทนบัตรประชาชนกันค่ะ


การสอบข้อเขียนจะทำผ่านเครื่องอัตโนมัติ ข้อสอบมีทั้งหมด 25 ข้อ ผ่าน 20 ข้อ เครื่องจะตรวจ เฉลย ตัดคะแนนข้อต่อข้อเลยค่ะ หากทำคะแนนได้ 20 ข้อคือ ผ่านแล้ว!! ไม่สามารถทำข้อสอบต่อได้แล้ว ถึงแม้ข้อสอบจะเหลือที่ยังไม่ได้ทำก็ตามค่ะ เดินออกจากห้องสอบสวยๆ รอถ่ายรูป รับบัตร กลับบ้านเลยจร้าาา 


“DMV (Department of Motor Vehicles) เป็นหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องรถ ยานพาหนะต่างๆ พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ “กรมการขนส่ง” บ้านเรานั้นเองค่ะ”


เอกสารที่ต้องใช้

1. พลาสปอร์ต ใช้ยืนยันตัวต้น

2. เอกสารยืนยันที่อยู่ เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ 

3. เอกสาร I-94 

4. บัตรประกันสังคม (SSN card)

5. เอกสารวีซ่าที่เราเข้ามา ของเรามาด้วยวีซ่า K1 เราเอาใบยืนยันการปรับสถานะ (I-797) ไปด้วยค่ะ 

เอกสารทั้งหมด 4 อย่าง พร้อมลุยทำข้อสอบได้เลยจร้าา!!


*หากสอบครั้งแรกไม่ผ่าน ไม่ต้องตกใจนะ นัดสอบรอบสองข้อสอบเดิมจ๊ะ ดี๊ดี!


ใบขับขี่ใบแรกที่ได้รับ “Driver license permit” เป็นใบฝึกขับรถ (ยังไม่ใช่ใบขับขี่จริง) คือทุกครั้งที่เราจะขับรถ ต้องมีคนที่มีใบขับขี่นั่งข้างๆ ไปกับเราด้วยทุกครั้ง เราจะขับไปโดดๆ คี่ๆ บ้าบอคนเดียวไม่ได้น่ะ


ใบฝึกขับรถ (Driver license permit) 
  • อายุต่ำกว่า 18 ปี ฝึกขับอย่างน้อย 1 ปี 
  • อายุมากกว่า 18 ปี ไม่จำกัดเวลา ใจพร้อม มั่นฝีมือ ก็นัดสอบใบขับขี่จริงได้เลย


ขั้นตอนนี้รวมจ่ายทั้งหมด $18

ค่าทำบัตร $15 ค่าธรรมเนียมแรกเข้า $3 ทุกชนชาติภาษา




2. สอบภาคปฎิบัติ (ขับรถบนถนนจริง) ทำการนัดสอบขับรถเมื่อพร้อม ไป DMV ตามวันและเวลาที่ได้นัดไว้ เราต้องเตรียมเอกสารไปในวันสอบให้ครบและต้องมีคนที่มีใบขับขี่แล้วไปกับเราด้วย 1 คนด้วยค่ะ


เอกสารที่ต้องใช้

1. ใบนัดที่ได้หลังจากสอบข้อเขียน

2. เอกสารเป็นเจ้าของรถหรือรถของคนที่ไปด้วยกับเรา

3. ประกันรถยนต์ที่มีชื่อเราในประกัน (รถต้องมีประกัน ไม่มีถือว่าผิดกฏหมาย) 

4. คนที่ไปกับเราต้องมีใบขับขี่ตัวจริงเพื่อยืนยันตนไปด้วย (บางครั้งเจ้าหน้าที่เช็ค)


ขั้นตอนสอบภาคประฏิบัติ 

1. เจ้าหน้าที่จะเช็คเอกสาร “ครบ” โอเคผ่าน!

2. จากนั้นเช็ครถต่อ เค้าจะให้เราบีบแตร เปิดไฟเลี้ยวหน้าหลัง ที่ปัดน้ำฝน ไฟ ประมาณนี้ค่ะ ถ้าผ่านหมดก็ผ่าน!

3. เจ้าหน้าที่จะเข้ามานั่งข้างๆ เรา และบอกเราว่าต้องขับไปทางใหน ส่วนเจ้าหน้าที่ นอกจากจะบอกทางแล้ว เค้าจะคอยเช็คและติ๊กกระดาษของเค้าไปเรื่อยๆ ว่าเรา เลี้ยวซ้าย-ขวา เปิดไฟเลี้ยวมั๊ย ทำตามเค้าสั่งได้ถูกต้อง ถูกกฏจราจรหรือปล่าว (ไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่นะค่ะ ถึงเราจะเกร็ง กล้าๆ กลัวๆ ก็เหอะ คิดในทางกลับกัน เค้าน่าจะกลัวเรามากกว่า อยู่ๆ ต้องมาฝากชีวิตไว้กับใครก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าเราจะพาเค้าไปชนหรือปล่าวอะนะ 55555)

4. ขับรถกลับมาถึง DMV ก็จะรู้ผลเลยค่ะว่า “ผ่านไม่ผ่าน” 


เคล็ดไม่ลับ:

  • เจอป้ายหยุด (Stop sign) ต้องหยุดรถให้สนิท ต้องชะโงกหน้ามองซ้ายขวาอย่างตั้งใจและจริงจังก่อนถึงไปต่อได้ 
  • การจอด การถอยรถ ห้ามมองแค่กระจกหลัง ต้องมองข้ามไหล่ด้วย
  • ป้ายจำกัดความเร็ว (Speed Limit) จากขับจริงบวกลบได้ไม่เกิน 5 ค่ะ


สอบผ่านจะได้รับใบขับขี่เลยจร้า เจ้าหน้าที่จะให้เรารอที่รถ ส่วนเค้าจะเข้าไปในตึกเพื่อผลิตบัตรให้เราค่ะ (แอบเสียใจ แต่งหน้ามาอย่างสวย แต่ไม่ต้องถ่ายรูปใหม่) *__* 


ปล. หลังจากที่ได้ใบขับขี่แล้ว อย่าลืมฝึกเติมน้ำมันนะจ๊ะ ไม่มีเด็กปั้มเหมือนที่เมืองไทยเด้อ ขอบอก!!! 


การต่ออายุใบขับขี่ ต่อได้ก่อน 180 วัน หรือเมื่อเราได้กรีนการ์ดถาวร 10 ปี (ได้กรีนการ์ด 2 ปี ก็ไปเปลี่ยนได้นะ) 

เอกสารที่ต้องใช้ 

1. หมายเลยนัด (หากนัดก่อน) หรือไปรับบัตรคิวที่ DMV ใหม่เลยก็ได้ค่ะ 

2. . พลาสปอร์ต (passport) และใบอนุญาตทำงาน (work permit) หรือกรีนการ์ด (green card) มีกรีนการ์ดไม่จำเป็นต้องใช้พลาสปอร์ต

3. เอกสารยืนยันที่อยู่ เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ 

4. เลขประกันสังคม (SSN number)

5. เจ้าหน้าที่จะมีแบบฟอร์มให้กรอกนิดหน่อยหรือกรอกออนไลน์มาก่อนก็ได้ค่ะ 


ปล. แต่งหน้าสวยๆ ไปนะจ๊ะ ได้ถ่ายรูปใหม่แน่นอนค่ะ ^___^


ค่าบริการทำบัตรใหม่ $15 (ไม่ต้องสอบใหม่ค่ะ) บัตรจะหมดอายุพร้อมกันกับใบอนุญาติทำงานหรือกรีนการ์ดที่เรามีนะค่ะ 



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...