ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

SSN แค่รู้ ก็เหมือนเอาชีวิตเราไปแล้ว?

บัตรประกันสังคมบัตร SSN (Social Security Number) หรือหมายเลขประกันสังคม มีลักษณะคล้ายบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีหรือไม่ก็บัตรประกันสังคมในบ้านเรา บัตรประกันสังคม(SSN) เป็นเอกสารสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเราเป็นผู้ที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อไปถึงที่สหรัฐอเมริกาควรทำบัตรประกันสังคม(SSN) เป็นสิ่งแรกเพราะจะสอบใบขับขี่ก็ต้องใช้ จะเปิดบัญชีธนาคารก็ต้องใช้(ยกเว้นบางธนาคารหรือไปสมัครเป็นสมาชิกห้างร้านใดๆ ก็อาจต้องใช้เพื่อขอส่วนลด ทุกวันนี้ บัตรประกันสังคม(SSN) ได้กลายเป็นหมายเลยบัตรประจำตัวประชาชน ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ ว่ามีความสำคัญอย่างมากไม่ใช่แค่ใช้เวลาเสียภาษี แต่ใช้ติดต่อราชการหรือทำธุรกรรมทุกๆ อย่าง เพื่อใช้ยืนยันตัวบุคคล เราจะสามารถสมัครบัตรประกันสังคมได้อย่างไร เข้าเรื่องกันเลยจร้าาา 

ตัวอย่างบัตประกันสังคม/ บัตร SSL
ตัวอย่างบัตประกันสังคม/ บัตร SSN


บัตรประกันสังคมบัตร SSN(Social Security Number) ประกอบด้วย



ส่วนประกอบบัตร SSN

  1. Banknote paper ขอบกระดาษ
  2. Social Security on the front ชื่อหน่วยงานจะอยู่ด้านบน
  3. Social Security Number หมายเลขประกันสังคม
  4. Person’s name ชื่อเจ้าของบัตร
  5. Blank space for name sign พื้นที่ลงลายเซ็นต์
  6. Person's signature ลายเซ็นต์เจ้าของบัตร
  7. SSA’s official ตราประทับ

การขอ Social Security Number (SSN)


การขอ Social Security Number (SSN) มีอยู่ในแบบฟอร์มขอกรีนการ์ดหรือสามารถทำเรื่องขอได้เองเลย เมื่อมาถึงอเมริกาแล้ว (ไม่เสียค่าธรรมเนียมหลักฐานที่ต้องใช้ในการขอ SSN ได้แก่ พาสปอร์ตหรือกรีนการ์ด และเอกสารอ้างอิงที่ได้จากหน่วยงานของรัฐ เช่นใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ (กรณีขอเองที่สำนักงานประกันสังคมหากขอพร้อมแบบฟอร์มกรีนการ์ดไม่ต้องใช้เอกสารค่ะแค่ติ๊กตรงช่องยังไม่มี SSN


ติ๊กตรงช่อง NO ค่ะ

หมายเหตุ เนื่องจากหมายเลขนี้สำคัญมาก เมื่อได้บัตรมาแล้ว ต้องเซ็นชื่อ ห้ามพกติดตัวเด็ดขาดและพยายามจำหมายเลขให้ได้ (โดยเฉพาะ 4 ตัวหลังถ้าหายหรือถูกขโมยต้องแจ้งสำนักงานประกันสังคม(Social Security) ทันที


การสมัคร SSN ด้วยตนเอง


  1. ศึกษารายละเอียดการกรอกแบบฟอร์ม
  2. ปรินท์ใบสมัคร
  3. ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานที่สำนักงานประกันสังคม (Social Security Office) ใกล้บ้าน (ผู้ที่ยื่นขอ SSN เป็นครั้งแรก จะต้องไปยื่นเรื่องด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถส่งใบสมัครทางไปรษณีย์)

การกรอกแบบฟอร์ม


แบบฟอร์มสำหรับขอ SSN


1. กรอกชื่อ นามสกุล


2. 
กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่ง SSN Card ซึ่งผู้สมัครจะได้รับการ์ดภายใน 2 สัปดาห์


3. 
ทำเครื่องหมายหน้าข้อความ ‘Legal Alien allowed to work’ 


4. 
ระบุเพศ


5. 
ระบุเชื้อชาติ


6. 
กรอกเดือน วัน ปีเกิด


7. 
สถานที่เกิด (ไม่ใช้ตัวอักษรย่อ)


8. A. 
กรอกชื่อ นามสกุลเดิมของแม่ B. Social Security Number ของแม่ (ไม่มี ไม่ต้องกรอก)


9. A. 
กรอกชื่อ นามสกุลของพ่อ B. Social Security Number ของพ่อ (ไม่มี ไม่ต้องกรอก)


10. 
ผู้สมัครเคยยื่นเรื่องขอ SSN หรือมีผู้อื่นยื่นขอให้ในนามของผู้สมัครหรือไม่ (ไม่เคย ตอบ No และข้ามไปตอบคำถามข้อ 14)


14. 
กรอกเดือน วัน ปีที่สมัคร


15. 
กรอกหมายเลขโทรศัพท์


16. 
เซ็นชื่อ


17. 
ระบุความสัมพันธ์กับผู้สมัคร (เลือก Self ในกรณีที่กรอกใบสมัครเอง)


บัตรจัดส่งถึงบ้านทางไปร์ษณีภายใน 14 วัน


**กรณีเปลี่ยนชื่อนามสกุล ให้ทำตามข้อมูลเหมือนกรณีสมัคร SSN ครั้งแรกค่ะ กรณีนี้สามารถจัดส่งทางไปรษณีย์ได้แต่ต้องแนบเอกสารใบเปลี่ยนชื่อฉบับจริง กรีนการ์ดหรือพลาสปอร์ต(สำเนาเอกสารที่แนบไปจะถูกส่งกลับคืนให้เรานะค่ะ


ขอบคุณขอมูลจาก: Social Security Administrationสำนักงานประกันสังคม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...