ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

นายชานมกับนางสาวไข่มุก Bubble Milk Tea History!


เชื่อว่าหลายคน เคยลิ้มลองรสชาติของ “ชานมไข่มุก” กันมาบ้างแล้ว เพราะในบ้านเราขณะนี้ มีร้านชานมไข่มุก เปิดกันมากมาย ทุกซอก ทุกมุมตึกกันเลยก็ว่าได้ ทั้งแหล่งรวมวัยรุ่น ตึกคนทำงาน ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ล้วนแต่มีร้านชานมไข่มุกกันทั้งนั้นคร้าาา แต่! ค่ะ แต่! จะมีสักกี่คนมั๊ย ที่รู้ว่า “ชานมไข่มุก” นั้น มีที่มาจากอะไร ทำไมชานมกับไข่มุกถึงมาเจอกัน และกลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ 

ชานมใข่มุก ถังใหญ่ อร่อยจุกๆ 

กำเนิดขานมไข่มุก ชานมไข่มุกเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ!! “ชานมไข่มุก” มีต้นกำเนิดจากประเทศไต้หวัน มีชื่อภาษาจีนว่า “จูเจินหน่ายฉา” แปลตามตัวว่า “ชานมไข่มุก” นั้นเองจร้าา

ไข่มุก คืออะไร 

“ไข่มุก” คือ เม็ดสาคูชนิดหนึ่ง ได้มาจากการนำแป้งมันสำปะหลังมาทำให้ชื้น แล้วนำตระแกรงมาล่อน จนกลายเป็นเม็ดสาคูสีดำขึ้นมา นำมาต้มให้สุก เพื่อไว้ใส่ในชานม พอถึงฤดูร้อนก็จะกลายร่างเป็น “ชานมเย็น” แล้วก็ใส่เม็ดสาคูนี้ลงไปกันจ๊ะ

“ในอดีตคนไต้หวันสมัยเก่าจะดื่มแต่ชาร้อน”

ไอเดีย “ชาเย็น”

เกิดจากชาวไต้หวันคนหนึ่งไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และเห็นคนญี่ปุ่นดื่มกาแฟใส่น้ำแข็ง จึงเกิดไอเดียกลับมาทำร้านชาเย็นที่ไต้หวัน สรุปว่าขายดีมากๆ แต่เดี๋ยวก่อน! ชาเย็นในตอนนั้น ยังไม่ใส่ “ไข่มุก” จนวันหนึ่งในปี 1988 ในขณะที่ร้านกำลังประชุมกัน เรื่องคิดค้นสูตรชาใหม่ๆ มาขาย ในที่ประชุมได้มีอาหารว่างเป็นขนมหวาน ที่เรียกว่า “เฝิ่นหยวน” ซึ่งเป็นขนมลูกกลมๆ ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง มีคนนึกสนุกคนนึง(ตามตำนานอะน่ะ) เค้าคนนั้นได้เทขนมที่กำลังกินอยู่ ลงไปใน “ชานมเย็น” ลองชิมดูแล้วรู้สึกว่า “เฮ้ยยยยยย อร่อยเหาะ!” จึงเป็นต้นตอของ “ชานมไข่มุก” ตั้งแต่ตอนนั้นนั่นเอง 

“ชานมไข่มุก เครื่องดื่มที่มียอดขายมากที่สุด และแพร่หลายไปทั่วโลก และฮิตมากในประเทศไทยบ้านเรานั้นเอง”

เฝิ่นหยวน ขนมท้องถิ่นไต้หวั่น

คนไทย เริ่มรู้จักชานมไข่มุกหรือชาไข่มุก อย่างแพร่หลายเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อ 21 ปีก่อนนี่เอง ต่อมา “ไข่มุก” เริ่มนำมาใส่ในเครื่องดื่มชนิดอื่นแทนชา เช่น นมสด โกโก้ กาแฟ หรือใส่เยลลี่ (แทนไข่มุก) ลงไปในชานม หรือแม้กระทั่งอาหารคาว เช่น ผัดกระเพรา ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น “นางสาวไข่มุก” ของเรา กลายเป็นที่นิยมหลุดโลกกันสุดๆ มาจนถึงทุกวันนี้กันเลยจร้าาา  

ไข่มุกสีดำ ต้นตำหรับ

ไข่มุกป๊อบ กัดปุ๊บแตกในปากปั๊บ

ประโยชน์ของการดื่มชา

การดื่มน้ำชาเป็นประจำ หากดื่มถูกวิธี ก็จะมีประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะใน “ใบชา” จะมี สารคาเฟอีน ซึ่งจะออกฤทธิ์ดังนี้
  • กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง 
  • กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต 
  • ขยายหลอดเลือด 
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย 
  • ป้องกันโรคหัวใจตีบตัน 
  • บรรเทาอาการเจ็บหน้าอก 
  • ช่วยควบคุมน้ำตาล (เบาหวาน)
  • รักษาโรคหวัดและอาการปวดหัวได้ 
นอกจากสารคาเฟอีนแล้ว ในใบชาก็ยังมี สารโพลิฟินอล (Polyphenol) คาร์โบไฮเดรท สารอะโรมา และกรดอะมิโน เมื่อสารเหล่านี้ ทำปฏิกิริยากับน้ำลาย ก็จะ..
  • ช่วยกระจายความร้อนในร่างกายออกไป
  • ขับสารพิษในร่างกายออกไปด้วย
  • ช่วยระงับกลิ่นปาก และป้องกันฟันผุได้ด้วย 
  • ช่วยฆ่าเชื้อโรค ลดอาการอักเสบ 
  • ช่วยสมานแผล “ตำรายาจีน บอกว่า น้ำชาชงแก่ๆ 1 ถ้วย ช่วยรักษาโรคบิดได้เป็นอย่างดี”  
  • ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะ ไม่แข็งตัวง่าย 
  • ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่น 
  • ลดอาการอักเสบ และอาการของโรคปอดบวม 
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะอาหาร ชาบ้างอย่างเช่น  “ชาอูหลง” สามารถช่วยลดความอ้วนและอาการท้องผูกได้ โดยจะช่วยละลายไขมันและช่วยในการย่อยอาหารและลดประจุในปัสสาวะ
ชาเขียวร้อนสวยๆ ด้วยลาเต้อาร์ท

กาแฟร้อนฟองนมนุ่มๆ

ผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม “ชานมไข่มุก” ได้กลายเป็นเครื่องดื่มแซงกระแสนิยม ที่แทบจะขาดกันไม่ได้เลย ด้วยความหอม มัน หวาน เย็น อร่อยม ชื่นใจ และมีประโยชน์ จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ หรือเป็นตัวเลือกทดแทนเครื่องดื่มอื่นๆ อีกมากมาย เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ น้ำหวานต่างๆ “นางสาวไข่มุก” ของเรา ก็มักถูกเลือกให้เป็นท๊อปปิ้งหลักๆ ที่นิยมใส่ลงไป เพื่อเพิ่มความอร่อยในเครื่องดื่มเหล่านี้อีกด้วย 

ดังนั้น …จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม “นายชานมกับนางสาวไข่มุก” ของเรา สามารถแทรกตัวแซงทางโค้งเข้ามาเป็นกระแสฮอต ติดอันดับฮิต กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ในการดับกระหายในบ้านเราได้อย่างรวดเร็ว 

ชานมไข่มุก บรรจุขวด ง่าย สะดวก ต่อการพกพา

ปล. “เรียงความเรื่อง  กำเนิดชานมไข่มุก” เป็นการเขียนรายงาน (การบ้าน) ส่งคุณครูในขณะนั้น เราเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ หรือน้องๆ ที่สนใจในประวัติชานมใข่มุก จึงได้นำมาเผยแพร่ ผิดถูกอย่างไร คอมเม้นติชมได้นะค่ะ ^^

การเขียนเรียงความ คือ การนำเอาความรู้ความคิดเห็น ตลอดจนความจำเรื่องราวต่างๆ มาปรับปรุงเรียบเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวโดยใช้ศิลปะในการเรียบเรียง รู้จักเลือกสรรถ้อยคำใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม  รู้จักผูกประโยคให้เป็นข้อความที่กระชับรัดกุม  สละสลวย  มีน้ำหนักและสามารถลำดับความได้ชัดเจน  อ่านเข้าใจง่าย  น่าอ่าน เรียงความมีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกันคือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...