ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ที่อเมริกา (ไม่ใช้ทนาย)


การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลในอเมริกา จากประสบการณ์ตรงของเราเองจร้าา แยกออกเป็นสองกรณี คือการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลหลังจากแต่งงาน และการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลของลูกสาวของเรา 

การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ต้องไปทำเรื่องที่ เคราต์เฮาส์ (Courthouse) ใน เคราต์ตี้ (County) ที่ตนอาศัยอยู่ กฏหมายในบางรัฐ ชื่อที่ตั้งใหม่อาจจะต้องประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ตามที่มีกฎบังคับเป็นจำนวนวันด้วย แต่ละรัฐจะมีกฏข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน

ความลำบากของผู้หญิงหลังแต่งงาน.. เปลี่ยนชื่อนามสกุลมันเหนื่อย!!

การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลของเรา กรณีของเรา เราเปลี่ยนเลยในใบจดทะเบียนสมรสหลังจากแต่งงานค่ะ กันวิงเวียนเบย^^ การเปลี่ยนนามสกุลจริงๆ แล้วจะไม่เปลี่ยนก็ได้ การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนค่ะ คือฐานข้อมูลต่างๆ ที่เคยค้นเจอของเรา ก็จะค้นไม่เจอ สิทธิ์ต่างๆ ที่ควรจะใช้ได้ก็ใช้ไม่ได้ การทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุล แม้จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสักหน่อย ส่วนตัวเราเลือกที่จะเปลี่ยน.. คิดว่า “จะช้าจะเร็วเราก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี เพื่อความถูกต้องและง่ายในภายหลัง”

ในอเมริกาเราจำเป็นต้องมี ชื่อแรก ชื่อกลาง และชื่อนามสกุล โดยเราจะใช้หลักการง่ายๆ คือ 

- ชื่อแรก เราใช้ชื่อปัจจุบันของเรา

- ชื่อกลาง เราใช้ชื่อนามสกุลของเรา

- ชื่อนามสกุล เราใช้ตามสามี 

**ง่ายๆ แค่นี้เลยจ๊ะ หากไม่เปลี่ยนนามสกุลตอนจดทะเบียนสมรส อยากเปลี่ยนหลังจากแต่งงานแล้ว ขั้นตอนก็จะยุ่งยากขึ้นมาหน่อย โดยต้องไปยื่นเปลี่ยนที่ศาล จ่ายค่าธรรมเนียม ทำตามขั้นตอนของศาลในแต่ล่ะรัฐ และต้องทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลตามเอกสารต่างๆ อีกทีตามลำดับขั้นตอน


“เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทำพร้อมกันกับจดทะเบียนสมรส จะง่ายกว่าทำการเปลี่ยนหลังจากแต่งงานแล้ว”

 

การเปลี่ยนชื่อนามสกุล กรณีเปลี่ยนให้ลูกสาวอายุไม่เกิน 18 ปี Minor Child Name Change (Under 18 years old)

สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือ ใบอำนาจปกครองบุตรที่ได้จากศาลเด็กและเยาวชน (กรณีนี้ ได้จดทะเบียนสมรส) หรือใบ ปค 14 (กรณี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ซึ่งจะต้องบอกเฉพาะเจาะจงเลยว่า “สิทธิ์ปกครองบุตรอยู่ที่มารดาแต่เพียงผู้เดียว! ย้ำว่า ในเนื้อหาสำนวนของใบปกครองบุตร ต้องมีคำว่า “บิดาไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในตัวเด็ก” จะดี มีประโยชน์ต่อผู้ได้สิทธิ์ปกครองบุตรอย่างม๊ากกกกก เพราะเราเจอมากับตัวเองแล้ว กฏหมายรัฐที่เราอยู่ ต้องการคำนี้มากค่ะ แต่ในเนื้อหาใบปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวของเรา ไม่ได้มีคำๆ นี้ เนื่องจากตามกฎหมายไทย ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้ว เมืองฝรั่งเค้าก็เข้าใจนะคะ แต่เค้าให้เหตุผลมาว่า มันยังไม่ชัดเจน สิทธิ์ปกครองบุตรยังเป็นของบิดามารดา แป่วววว!  คือของมันจำเป็นต้องมี T___T


ขอบอกก่อนเลยว่า กฎหมายแต่ละรัฐในอเมริกาจะไม่เหมือนกัน


ความยากง่ายจึงต่างกันออกไปแล้วแต่กฎหมายของรัฐนั้นๆ เข้าเรื่องกันก่อนว่า “ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลลูกสาว” เหตุผลคือ เพื่อนและคุณครูเรียกชื่อ-นามสกุลไทยน้องเพี้ยน! เลยเป็นสาเหตุให้บางครั้งโดนล้อป้าง เวลาคุณครูเรียกชื่อ แล้วน้องไม่รู้ว่าชื่อตัวเอง แป่ววววว คือสาเหตุหลักๆ เนื้อๆ เน้นๆ เลยค่ะ 


ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อนามสกุลอายุไม่เกิน 18 ปี

- ติดต่อศาล (เคราต์ตี้ County) สอบถามรายละเอียด ขอหรือดาวน์โหลดเอกสารจากทางเว็บไซต์ เพื่อกรอกรายละเอียดให้เรียบร้อย


ปริ้นเอกสารทั้งหมด จากเว็บไซต์


- ส่งเอกสาร เจ้าหน้าที่จะนัดวันขึ้นศาลเพื่อพิจารณา ระเบียบการขึ้นศาล ผู้พิพากษาจะตรวจสอบว่าเราเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมหรือไม่ ในขั้นตอนนี้ หากศาลต้องการเอกสารเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จะติดต่อเรามาค่ะ หากทางศาลตรวจสอบสิทธิ์ว่าถูกต้องชอบธรรม ก็รอรับใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลที่บ้านได้เลยค่ะ


“รอผู้พิพากษาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อ รอรับทางจดหมายหรือติดต่อรับเองได้เลยค่ะ เอกสารสามารถขอสำเนาเพิ่มได้นะค่ะ”


จุดสำคัญที่ต้องใส่ใจ

- ต้องเขียนเหตุผลที่ต้องการเปลี่ยนชื่อนามสกุลให้ชัดเจน ร่างมาเลยค่ะ เขียนหรือพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษพอประมาณ เราเขียนหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ด้วยภาษาอังกฤษอันอ่อนแอของเรา เพราะความมีน้ำโหและน้อยใจในใบปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว 55555

เขียนบรรยายความต้องการพอสังเขป


- เอกสารของน้อง พลาสปอร์ต กรีนการ์ด ใบเกิด ใบปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว (แนบเอกสารฉบับไทย/อังกฤษ)

- เปลี่ยนชื่อแรก ชื่อกลาง ไม่ต้องลงประกาศหนังสือพิมพ์ ติ๊กหมึกสีดำ ตามกากบาทสีแดงได้เลยจร้าา


ติ๊กกากบาทด้วยหมึกสีดำเท่านั้น

- เปลี่ยนนามสกุล ต้องลงประกาศในหนังสือพิมพ์ ใบปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว มีผลมาก มารดาต้องมีสิทธิ์ขาดถึงจะเปลี่ยนได้ ไม่เช่นนั้นต้องมีลายลักษณ์อักษรจากบิดา เซ็นต์ยินยอมให้เปลี่ยนนามสกุลได้** การเปลี่ยนนามสกุลเด็กอายุ ไม่เกิน 18 ปีถือเป็นงานช้างเลยก็ว่าได้ ดังนั้น จึงต้องเช็คให้มั่นใจว่ามีสิทธิ์ปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวอย่าง 100% จากเอกสารดังนี้ 

*ใบมรณะบัตรของสามี หากฝ่ายชายเสียชีวิต สิทธิ์จะเป็นของฝ่ายหญิง 1000%

*ใบ ปค 14 กรณีไม่ได้แต่งงานกัน

*ใบปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว คำสั่งจากศาลเด็กและเยาวชน

 
 เราไม่ใช่ทนายนะค่ะ เขียนเล่าจากประสบการณ์ล้วนๆ

- อายุเกิน 18 ปี น้องสามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลได้เองเลยจร้าาา

เราสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเคสได้ในเว็บไซต์ของเคราต์ตตี้ (County) ได้ ไม่ต้องโทรฯ ตามเคส ตามตัวอย่างข้างล่างเลยจร้าาา

เว็ปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเคส

เอกสารที่ใช้ในกรณีเปลี่ยนนามสกุลอายุต่ำกว่า 18 ปี

1.ใบเกิดตัวจริงของบุตร ฉบับไทย/อังกฤษ

2.พาสปอร์ตของบุตร

3.ใบขับขี่ของคู่สมรส

4.ทะเบียนสมรส

5.ใบปกครองบุตร หรือใบมรณะบัตร ฉบับไทย/อังกฤษ

6. กรีนการ์ดของแม่

7. แบบฟอรมขอเปลี่ยนชื่อขอจากเจ้าหน้าที่ หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์

8. ค่าธรรมเนียมแล้วแต่รัฐ $55-80/ต่อเคส


เอกสารใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลจะเป็นกระดาษ A 4 ธรรมดา ตามใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (Order name change) เป็นใบที่เรากรอกเอกสารไปเลยค่ะ ไม่หรูหราเหมือนใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลบ้านเรานะค่ะ ^^


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...