ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ในต่างแดน



เราเป็นมนุษย์สายเขียว คือชอบทานผักมากๆ ทานจนจะผลิตคลอโรฟิลล์ได้เองเลย 555 เมื่อย้ายมาอเมริกา ผักแพงกว่าเนื้อ หิมะตก แดดออก ก็ฉุดให้เราหยุดทานผักไม่ได้ ใจรักอะนะ! พอรู้ว่าตัวเองท้อง ก็ยิ่งเน้นเรื่องอาหารการกิน เลี่ยงทานของหวาน ไม่ดื่มน้ำอัดลม งดกาแฟ คุณหมอชมใหญ่เลยว่า มีระเบียบวินัยดีมากๆ พอท้องได้ 28 สัปดาห์ คุณหมอต้องให้ตรวจคัดกรองเบาหวาน มันเป็นระเบียบบังคับที่คนท้องที่นี้ทุกคนต้องตรวจค่ะ เรามั่นใจมากเลยว่าการตรวจต้องผ่านไปแบบฉลุย เพราะเราดูแลตัวเองดีและไม่เคยมีประวัติเรื่องเบาหวานในครอบครัวเลย แต่ผลตรวจน้ำตาลของเราคือ 171 ช็อคค่ะ! เครียดมาก ตกใจค่ะ มันเกิดขึ้นได้ยังไงน๊าา พอมานั่งคิดทบทวนดูดีๆ อั๊ยยะ! เราทานข้าวจัดหนักก่อนตรวจไม่เกิน 30 นาที!! 




ตรวจคัดกรองเบาหวานยังไง?

การตรวจคัดกรองเบาหวาน คือการทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล ทดสอบด้วยการดื่มสารละลายกลูโคส 50 กรัม (ขณะอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์) ดื่มให้หมดขวด ห้ามอ๊วกเด็ดขาดนะจ๊ะ หากไม่อยากมาดื่มใหม่ เริ่มใหม่! ขั้นตอนนี้ไม่ต้องอดอาหารค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทานข้าวมาแบบบุพเฟ่อย่างเราน่ะ แล้วหมอจะเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาล เมื่อครบ 1 ชั่วโมง (เจาะเลือดครั้งเดียว) ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดมีค่าสูงไม่เกิน 70-135 mg/dL คือไม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ก็จบแค่นี้ค่ะ จะไม่มีการตรวจอีกต่อไป หากทดสอบแล้วเกิน(เหมือนเรา) หมอจะนัดให้มาตรวจอีกรอบค่ะ

“หลังจากรู้ผลว่าเกินในวันนั้น ถึงจะเครียดก็อดขำตัวเองไม่ได้ เพื่อนก็บอกก็เตือนแล้วนะ ว่าอย่าทานข้าวก่อนไปตรวจ ถ้าหิวให้ทานอะไรเบาๆ รองท้องไปก่อน ตรวจเสร็จค่อยมาทานมื้อหนัก”


หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลได้ติดต่อมา เพื่อให้เราทำการนัดตรวจเบาหวานรอบที่สอง สามีนัดตรวจเบาหวานให้เราในวันพฤหัสบดี ซึ่งได้วันนัดพรุ่งนี้คือวันศุกร์ เวลา 8.30 นาที (7 วัน จากวันที่ตรวจคัดกรอง) เร็วได้อีก ไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ ขั้นตอนนี้ หมอจะเรียกว่า “การตรวจวินิจฉัย” จะทำโดยการเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาล หลังจากที่เราอดอาหารมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หมอจะให้ดื่มสารละลายน้ำตาลกลูโคสขนาด 100 กรัม ย้ำ! ต้องดื่มให้หมดภายในเวลา 5 นาที ห้ามอ๊วกเด็ดขาด!! หมอจะเจาะเลือดตรวจก่อนดื่มกลูโคส 1 ครั้ง และหลังจากดื่มกลูโคสแล้วทุก 1, 2 และ 3 ชั่วโมงตามลำดับ (รวม 4 ครั้ง) รวมเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆ ที่นั่งหิวตาลายรอเจาะเลือด ห้ามทานอาหารเด็ดขาด ดื่มน้ำเปล่าได้ค่ะ ห้ามเดินไปเดินมา ห้ามใช้พลังงานในระหว่างรอเจาะเลือด เราก็นั่งดูหนังฟังเพลงใส่หูฟัง ขณะรอหมอเรียก ในใจก็คิดว่าตรวจเสร็จแล้วเราจะทานอะไรดีน๊าา 😋

ผลตรวจรอบวินิจฉัย

เจาะเลือดครั้งที่ 1 ก่อนดื่มกลูโคส ค่า “ปกติ”


เจาะเลือดครั้งที่ 2 เกินมาตรฐาน 5 กรัม


เจาะเลือดครั้งที่ 3 เกินมาตรฐาน 2 กรัม


เจาะเลือดครั้งที่ 4 ค่าปกติ


ผลตรวจน้ำตาลเกินหรือเท่ากับ 2 ครั้ง เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์


ผลการตรวจ ค่าน้ำตาลเราเท่ากับ 2 ครั้งในการตรวจน้ำตาล 4 ครั้ง สรุปเราเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สาเหตุมาจากเราไม่รู้วันนัดตรวจเบาหวานล่วงหน้า (หลังจากการตรวจครั้งแรกเราชะล่าใจ อยากกินข้าวเหนียวก็เลยทำข้าวเหนียวทานทั้งอาทิตย์ กะทานให้หายอยากค่ะ “คนท้องค่ะ อยากกินไรต้องได้กิน” T____T  แอบโกรธตัวเองมากๆๆ)


“ข้าวเหนียวจัดเป็นของหายากค่ะ นานๆ ถึงจะทำกินที” 


หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มา เพื่อให้เราทำการนัดหมอเฉพาะทางโรคเบาหวานและนักโภชนาการอาหาร

หมอเฉพาะทางโรคเบาหวาน หมอบอกว่า “คนเอเชียส่วนมาก เมื่อมาอยู่อเมริกา หากตั้งครรภ์ 95% จะมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ภาวะนี้จะหายไปหลังจากคลอดลูก” มาถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องทำใจยอมรับผลกรรมจกข้าวเหนียวค่ะ เบาหวานก็เบาหวาน! แต่ที่ทำใจยอมรับยากหน่อยก็คือ ต้องตรวจน้ำตาลด้วยเครื่องตรวจวัดเบาหวาน เป็นเครื่องมือเจาะเลือดที่นิ้ว ต้องบันทึกเลขน้ำตาลส่งผลทุกวัน วันล่ะ  4 ครั้ง จนกว่าจะคลอด (ก่อนทานอาหารเช้า 1 ครั้ง และ 1 ชั่วโมงหลังอาหาร 3 มื้อ) 

เครื่องตรวจน้ำตาล เข็มเจาะ และเลนส์


นักโภชนาการอาหาร ให้คำแนะนำในการเลือกทานอาหารเฉพาะสำหรับหญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หัวใจสำคัญคือ จากปกติทานอาหาร 3 มื้อ ต้องแบ่งอาหารออกเป็น 5 มื้อ ลดแป้ง น้ำตาล และคำนวนคาร์โบไฮเดรตของอาหารทุกมื้อด้วยเช่นกันค่ะ 

“ทานอาหารได้ตามปกติ แต่ต้องลดปริมาณให้น้อยลงหรือแยกออกมาเป็นมื้ออาหารว่าง”

ตัวอย่างการนับคาร์ป


เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) หมอจะตรวจคัดกรองเบาหวานในช่วงสัปดาห์ที่ 24-28 เบาหวานชนิดนี้เกิดจากร่างกายเรา ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ได้เพียงพอ อาจมีผลทำให้ทารกตัวใหญ่เกินกว่าจะคลอดปกติได้ และอาจทำให้คุณแม่มีโอกาสเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ แต่ส่วนมากแล้วคุณแม่จะหายขาดหลังจากคลอดลูกค่ะ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...