ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องแปลกๆ ของฝรั่ง คนไทยมีอึ้ง!




“อเมริกา” ประเทศที่มีความหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งวัฒนธรรม ภาษา ดนตรี ศิลปะและอื่นๆ ผู้คนในประเทศอเมริกา มีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่เป็นเรื่องปกติ เเต่เรื่องบางเรื่องเรากลับเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่แปลก ชวนให้รู้สึกสงสัย บางอย่างก็ทำให้รู้สึกทึ่งเพราะที่บ้านเมืองของเรา ไม่ได้ทำเหมือนกับเค้าทำกันอยู่ที่อเมริกา ซึ่งสถานการณ์นี้ เค้าเรียกว่า “Culture Shock” เอาล่ะ! ออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว 😅 เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าจร้าาา 


เรื่องแปลกๆ ของฝรั่ง คนไทยมีอึ้ง!

1.  ส้อมใช้ทานข้าว ช้อนสำหรับทานชุป 

2.  ชอบกินเผ็ด เช่นเดียวกันกับคนไทย บางคนชอบเผ็ด บางคนก็ไม่ทานเลย ต่างชาติบางคนทานเผ็ดได้มากกว่าเราค่ะ 

3.  ไม่ทานเนื้อดิบ แต่ชอบสเต็กไม่สุก มีคำกล่าวว่า “มันเป็นการหมิ่นค่าของเนื้อ หากเราทำให้มันสุก เพราะเกษตกรผู้เลี้ยงสัตว์ต้องทำงานอย่างหนักมาก กว่าจะได้เนื้อดีๆ มาขายสักชิ้น” ดังนั้นมิเดียมแรร์ สเต็ก (Medium Rare Steak) เป็นการทำเนื้อแบบสุก(ที่สุด) ยอดนิยมสุดๆ ของคนที่นี้

4.  ใครสั่งใครจ่าย ไม่แชร์อาหาร แล้วแต่โอกาสค่ะ หากเป็นโอกาสพิเศษ เราสามารถเลี้ยงข้าวเพื่อนหรือเพื่อนเลี้ยงเราได้เช่นกันค่ะ 

5.  นอนกลางวัน หากเป็นวันหยุดอยู่บ้านพักผ่อน ส่วนมากต้องจัดเวลานอนกลางวัน zzZzz

6.  อาหารกระป๋อง หมู ไก่กระป๋อง ผักกระป๋อง อาหารกะป๋องเป็นที่นิยมมาก มันคือการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดปลากระป๋อง ต่างชาติมีร้อง หหหหยี๊! ขึ้นมาทันที สรุปเราแปลกค่ะ 555

7.  ปลาไม่เอาก้าง ไก่ไม่เอากระดูก ปลาทั้งตัวต่างชาติมีเงิบค่ะ!  บางทีทานเฉพาะเนื้อปลายังมีติดคอกันเลย ส่วนไก่ก็จะทานเฉพาะเนื้อ ไม่หนัง ไม่มัน แต่เค้านิยมทานชิคเก้นวิงค์ (Chicken Wings) กันมากๆๆ ท๊อปเท็น (Top 10) อาหารขึ้นชื่อกันเลยทีเดียว

8.  ล้างจานไม่เอาฟองออก ข้อนี้ไม่ชินๆ จริงค่ะ เค้าให้เหตุผลว่า ฟองเป็นน้ำยาชนิดหนึ่งที่ไม่มีอันตราย 😅 ส่วนบ้านเราล้างจานทีสองสามน้ำ จานนี้ต้องดังเอียดๆๆ ถึงจะถือว่าสะอาด 

9.  ทิชชูลงชักโครก  เฉพาะทอยเลท เปเปอร์เท่านั้น! (Toilet paper) มันคือกระดาษทิชชูบ้านเราดีๆ นี้เอง ทางนี้เค้าใช้ในห้องน้ำเท่านั้น บ้านเราใช้กันสาระพัดนึกเป็นเรื่องปกติแต่แปลกสำหรับต่างชาติ

10.  นัดก่อนเสมอ ต้องมีเวลานัดที่ชัดเจน เพื่อความสะดวกสบายของผู้นัดและผู้ถูกนัด ประหยัดเวลานั่งคอย

11.  ผ้าไม่ตากแดด ใช้เครื่องอบผ้าแทนการตากแดด ซักเสร็จ ปั่นแห้ง อบแห้ง เก็บเข้าตู้ค่ะ สะดวกสบายชีวิตดี๊ดี 

12.  ก๊อกน้ำร้อน-เย็น ก็อกน้ำ 1 ก็อก ปรับน้ำร้อนทางซ้าย น้ำเย็นทางขวา ระบบทั้งบ้านค่ะ ยกเว้นนอกบ้าน เป็นน้ำสำหรับทำสวนจะมีระบบน้ำเย็นอย่างเดียว

13.  หนาวแค่ใหนก็ยังดื่มน้ำเย็น-กินไอติม หิมะตก อุณหภูมิติดลบ น้ำที่ดื่มก็ต้องเย็นหรือใส่น้ำแข็ง ไม่งงค่ะ! เพราะอากาศไม่เปลี่ยนแปลง (Perfect Temperature) อย่างไร? คือเราไปใหนมาใหน ก็จะมีแอร์ มีเครื่องทำความร้อนอยู่กับเราตลอด เช่นฤดูหนาว บ้านและรถที่ขับจะปรับจากแอร์เย็นๆ มาเป็นระบบแอร์ร้อนๆ (Heater) มันเลยทำให้อุณหภูมิร่างกายเราไม่เปลี่ยนแปลง ไม่รู้สึกร้อนหรือหนาวสุดๆ (เรามาปีแรกก็ยังรู้สึกว่าหนาวๆ อยู่ ทุกวันนี้หิมะตกก็กินไอติมเฉย 😁)

14.  แช่เย็นอาหารตลอด ตามหลักกฎหมายแล้ว อาหารสามารถอยู่นอกตู้เย็นได้นานไม่เกิน 4 ชั่วโมง หากเกินนั้นอาจจะมีสารปนเปื้อนทานไม่ได้แล้ว 

15.  ดื่มน้ำก๊อก มีจุดดื่มน้ำฟรีตามสถานที่สาธารณะทั่วไป ในบ้านเราก็กดดื่มได้เลย เพราะระบบน้ำปะปาที่นี้สะอาดมาก ส่วนตัวก็ยังติดซื้อน้ำขวดดื่มค่ะ (ความเคยชิน) สรุปเราแปลกอีกล่ะ 555

16.  ผู้หญิงไม่มีขน ใช่ค่ะ! ทุกๆ ส่วนของสรีระร่างกายจะถูกกำจัดออกหมดเลย ไม่เว้นแม้กระทั่งขนจมูก และขนบนใบหน้าของเรา

17.  ทารกไม่นอนกับพ่อแม่ ต้องมีเตียงนอนเฉพาะหรือห้องส่วนตัว แยกออกจากพ่อแม่เลยค่ะ ข้อนี้เป็นเรื่องของกฎหมายคุ้มครองเด็กค่ะ 

18.  ไม่มีเด็กปั้ม น้ำมันต้องเติมเอง จ่ายตังค์เอง!! 

19.  ไม่ใช้เหรียญ ใช้แบงค์กับบัตร ATM (ทอนเหรียญน่ะ! เราจ่ายเหรียญทีไร แคชเชียร์งงทุกที) หากต้องการใช้เหรียญต้องเอาไปหยอดตู้นับเหรียญอัตโนมัติ เพื่อแลกเป็นธนบัตรมาใช้อีกทีนึง 

20.  ราคาสินค้าจากป้ายยังไม่รวมภาษี ขอเล่าแบบง่ายๆ ว่าราคาสินค้าปกติของร้านค้าต่างๆ จะเป็นราคาที่ไม่รวม Tax (ภาษี) คือจะเป็นราคาค่าสินค้าเพียวๆ เท่านั้น เวลาเราไปจ่ายตังค์จะมีบวกเพิ่มภาษีทีหลังจากราคาสินค้าอีก เช่น ราคา $1.89 จ่ายจริง $2.09

21.  ไม่มีร้านโต้รุ่ง ร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดถึง 3-4 ทุ่มเท่านั้นค่ะ 

22.  ทิป 10-20% ของค่าบริการ พนักงานบริการจะคาดหวังเงินทิปมาก จะตั้งใจให้บริการกับลูกค้ามากๆ เช่นกัน จะคอยเติมน้ำ ถามอาหารเป็นอย่างไร จะมาเช็คเราตลอด 

23.  คืนสินค้าและบริการได้หมดแทบทุกสิ่งอย่าง การคืน (Return) สินค้าในห้าง ร้านค้า บริการต่างๆ แม้กระทั่งสินค้าออนไลน์ เป็นเรื่องปกติธรรมดามั๊กมากๆ หากเราไม่พอใจสินค้าหรือบริการ เราสามรถคืนได้เลยจร้า ไม่ต้องกลัวพนักงานจะตาเขียวใส่เรานะ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของเค้ากัน เราจะได้เงินคืน ไม่ก็กิ๊ฟการ์ด (Gift Card) หรือเปลี่ยนเป็นสินค้าอย่างอื่นไปเลยค่ะ 


Culture Shock คืออะไร

ค้าวเจอร์ ซ็อค(Culture Shock) มีความหมายในภาษาไทยว่า “ความรู้สึกสับสนต่อวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย” กล่าวคือความไม่คุ้นชินกับพฤติกรรมของคนในแต่ละประเทศ ที่บางครั้งเราได้พบเจอ แล้วเราไม่คุ้นชิน แล้วบางครั้งเราทำผิดพลาดไป ทำให้เรากลายเป็นตัวประหลาด หรือบางครั้งพฤติกรรมของเขาทำให้เราตกใจกับสิ่งที่เขาทำ


ค้าวเจอร์ ซ็อค (Culture Shock) จะเกิดอาการกับคนที่ต้องย้ายจากประเทศที่ตนเองคุ้นเคย มาอยู่ในสถานที่หรือประเทศที่ตนเองไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรม ทำให้เกิดอาการไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เปลี่ยนไป เช่นชาวต่างชาติที่ต้องย้ายมาอยู่เมืองไทย หรือคนไทยที่ไปเรียนต่างประเทศนานๆ พอกลับมาบ้านเกิด ก็เกิดอาการ ไม่คุ้นเคยทางวัฒนธรรม ทำให้รู้สึกเครียด กดดัน และไม่พอใจกับสิ่งแวดล้อม


การรับมือค้าวเจอร์ ซ็อค(culture shock) ต้องปรับตัว เปิดใจ ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง ประพฤติตนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ พูดง่ายๆ ก็คือ “When in Rome, do as Romans do.” เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิวตาตามคร้าา 🤩🤩

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...